นักวิจัยวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มทร.ธัญบุรี สร้างผลงานการจัดการ ‘การติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน’ สามารถให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน 12 ประเภทตามกฎกระทรวงควบคุมการปนเปื้อนฯ

ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนับวันยิ่งทวีความรุนแรง ส่วนหนึ่งจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐจึงได้มีการบังคับใช้กฎกระทรวงควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน พ.ศ. 2559 โดยกำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรม 12 ลำดับตามกฎหมายต้องมีการเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม มีการจัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีและของเสียอันตราย กำหนดเกณฑ์การปนเปื้อน กำหนดทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน เพื่อติดตั้งบ่อสังเกตการณ์น้ำใต้ดิน และเก็บตัวอย่างดินและน้ำใต้ดิน เพื่อติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงานอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเป็นประโยชน์ในการเฝ้าระวังการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ และเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม

ผศ.ดร.ธรรมศักดิ์ โรจน์วิรุฬห์ อาจารย์นักวิจัยประจำสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) จึงได้ดำเนินโครงการ “การติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินบริเวณโรงงาน”ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (Industrial Technology Assistance Program: ITAP) ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ล่าสุดได้นำไปจัดแสดงและนำเสนอรายละเอียดของการดำเนินโครงการดังกล่าวงานนวัตกรรมสร้างสรรค์ RT62 ที่หอประชุม มทร.ธัญบุรี

สำหรับการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินบริเวณโรงงาน มีลักษณะการดำเนินงานโดยการจัดการซึ่งมีวิธีการดำเนินงานที่สรุปได้ทั้งหมด 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1. สำรวจกิจกรรม และจัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีและของเสียอันตราย 2. กำหนดจุดเก็บตัวอย่างและติดตั้งบ่อสังเกตการณ์น้ำใต้ดิน 3. กำหนดเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน 4. การแจ้งข้อมูล 5. การตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดิน 6. การจัดทำรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดิน และ 7. รายงานเสนอมาตรการควบคุมและมาตรการลดการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน (กรณีตรวจพบการปนเปื้อน)

ลักษณะของงานในโครงการมีจุดเด่นคือ ให้คำปรึกษา สำรวจโรงงาน และกำหนดจุดติดตั้งบ่อสังเกตการณ์โดยทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมสถาบันการศึกษา และกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นเป็นงานบริการวิชาการแก่สังคม ซึ่งทางผู้ประกอบการโรงงานหรือสถานประกอบการจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและตระหนักถึงปัญหาของการปนเปื้อนของสารพิษที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสืบเนื่องมาจากกระบวนการผลิตของตนเองต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งสามารถการนำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ก็คือ การให้คำปรึกษาได้ในกลุ่มเป้าหมาย คือ โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการจดทะเบียนโรงงานที่เข้าข่ายของ 12 ลำดับประเภทโรงงาน ตามกฎกระทรวงควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงาน พ.ศ. 2559

ทั้งนี้ ในกฎกระทรวงนี้ ได้อธิบาย“การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน”ว่าเป็นการที่ดินและน้ำใต้ดินบริเวณโรงงานมีสารปนเปื้อนสะสมในปริมาณที่ไม่เหมาะแก่การดํารงชีวิต หรือมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ อนามัย และสิ่งแวดล้อมส่วน “การตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำใต้ดิน”คือการเก็บและการวิเคราะห์ตัวอย่างดินและน้ำใต้ดินบริเวณโรงงาน และการเปรียบเทียบค่าความเข้มข้นของสารปนเปื้อนที่ได้จากการเก็บและการวิเคราะห์ตัวอย่างดินและน้ำใต้ดินกับเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินส่วนคำว่า “เกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน”หมายถึง ระดับความเข้มข้นอ้างอิงของสารปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินภายในบริเวณโรงงานที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อนามัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้จากการคํานวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและคำว่า “สารปนเปื้อน”คือสารเคมีหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้หรือเก็บรักษาภายในบริเวณโรงงานหรือเป็นของเสียภายในบริเวณโรงงาน ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ อนามัยและสิ่งแวดล้อม

ผศ.ดร.ธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินบริเวณโรงงาน ในกรณีที่พบการปนเปื้อนในเบื้องต้นจะต้องตรวจสอบหาแหล่งกำหนดเพื่อควบคุมหรือหยุดการแพร่กระจายของสารมลพิษ และควรฟื้นฟูคุณภาพดินและน้ำใต้ดินไปพร้อมกัน ในอนาคตจะต่อยอดและพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบเพื่อบำบัดและฟื้นฟูคุณภาพดินและน้ำใต้ดิน ทั้งจากแหล่งกำเนิดและการขนย้ายไปบำบัดในพื้นที่อื่น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลการติดตาม ตรวจสอบในครั้งนี้จะสามารถส่งผลให้เกิดความตระหนัก ความร่วมมือในทุกภาคส่วนไม่เพียงแค่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนในการรักษาและร่วมกันสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อไป ผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 085 427 9666

อ้างอิงเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ : https://mgronline.com/qol/detail/9620000071263